ตอนที่ 34 คนของเขาใครอย่าแตะ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 34 คนของเขาใครอย่าแตะ
ต๭นที่ 34 คนของเขาใครอย่าแตะ กลุ่มคนที่อยู่ที่ทำการทำให้ทางติดขัดขึ้นมา แล้วรวมถึงคนที่อยู่หน้าประตูต่างก็ครุ่นคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ “...หลินหยู่นจูมาแล้ว” ประโยคที่ไม่รู้ว่าใครเอ่ยออกมาทำให้ทุกคนค่อยๆ แหงนหน้าขึ้นแล้วมองไปยังทางเดินยาว ตามคาด แต่เห็นหลินหยู่นจูในสูทดำที่กำลังเดินตามหลังประธานฉี สีหน้าของแซ่ร์เพ้ยถิงกับฉีเย่วก็เปลี่ยนทันที คนแบบนี้มาอยู่กับพี่ชายได้ยังไง? เมื่อการประชุมเสร็จไม่ใช่ว่าพี่ชายเป็นคนแรกที่ออกไปไม่ใช่เหรอ เขากลับไปอีกงั้นเหรอ? สายตาของฉีเย่วที่มองไปเผยให้เห็นความโกรธเกรี้ยวเป็นประกายไฟชั่วร้าย พนักงานที่ยื่นอยู่เต็มทางเห็นท่านประธานมาแต่ไลกเลยหลบไปอยู่สองข้างทางเว้นช่องตรงกลางไว้ ฉีเทียนโย่วหยุดก้าวเดินแล้วหันมองลูกน้องที่ยืนอยู่ตรงนี้ “ยืนอะไรกันตรงนี้?” “...”ทุกคนกลั้นหายใจเงียบเหมือนอยู่ในป่าช้า ในสถานการณ์แบบนี้ดูเหมือนท่านประธานจะเป็นฉากหลังอันทรงพลังให้กับหลินหยู่นจู ด้วยเหตุนี้ ในใจของทุกคนก็มีความคิดเก็บอยู่ในใจ จะพูดอะไรออกมาต้องใคร่ครวญให้มากๆ “สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้น ไม่มีใครจะรายงานฉันซักคน”ฉีเทียนโย่วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาอีกครั้ง ลู่เหยียนพูดขึ้น “ท่านประธาน ไม่มีอะไรครับ พวกเราแค่หารือกับเรื่องเนื้อหาการประชุมของพรุ่งนี้เช้า” ท่าไม่ดี แซ่ร์เพ้ยถิงก็ขยายเรื่องให้เหมาะสมขึ้น “ใช่แล้วๆ ท่านประธานคะ พวกเราแค่เตรียมทำการประชุมย่อมๆ แล้วเห็นว่าล่ามหลินหยู่นจูไม่อยู่ก็เลยถามหาว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน” เป็นแบบนี้จริงหรือ? มีแต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์เท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจินมี่มี่อารมณ์เสียมากที่เธอทำงานกับตระกูลฉีมาสามปี ทบทวนตัวเองว่าเธอทำงานหนักและไม่เคยพลาดในหน้าของเธอเองเลย แต่ว่าในทุกปีไม่เคยมีชื่อเธอไม่ถูกกล่าวขานเลย แล้วไม่ต้องพูดถึงผลงานโดดเด่นของเธอ มีแค่เหตุผลเดียว ก็เพราะเธอไม่เคยญาติดีกับแซ่ร์เพ้ยถิง แต่พวกพนักงานที่ผลงานไม่โดดเด่น ทำหน้าดีก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่อย่างเพื่อนๆของแซ่ร์เพ้ยถิงกลับถูกเพิ่มเงินเดือนอยู่บ่อยครั้ง คิดถึงตรงนี้ เจินมี่มี่อยู่ๆ ก็ยืนขึ้นแล้วพูดอย่างเสียงดัง “โกหก พวกเขาที่อยู่ตรงนี้ชัดเจนว่ากำลังคุยเรื่องไล่หลินหยู่นจูออก” ประโยคนี้ออกไปทั้งอาคารถึงกับสั่นสะพรึง หลินหยู่นจูคาดไม่ถึงว่าตัวเองจะมาอยู่ในสถานการณ์ลำบากแบบนี้ยังมีสาวน้อยคนหนึ่งยังเข้าใจเธอ เธอมองไปยังเจินมี่มี่อย่างซาบซึ้ง เนื่องด้วยประโยคนั้นที่เจินมี่มี่สีหน้าของฉีเทียนโย่วก็ดึงขึ้นทันที เขาใช้สายตามองลู่เหยียนแล้วย้ายไปมองแซ่ร์เพ้ยถิง แล้วจบที่มองไปยังฉีเย่วด้วยสายตาที่แรง “ฉีเย่วถืงจะเป็นลูกของตระกูลฉีและยิ่งไปกว่านั้นเธอเป็นน้องสาวของฉีเทียนโย่ว เธอเลยมีความทะนงตัวเป็นอย่างมาก แต่เธอก็มีจุดอ่อนของเธอ เธอกลัวฉีเทียนโย่วอย่างมาก! แซ่ร์เพ้ยถิงออกมาอธิบาย “ท่านประธาน นี้มันเข้าใจผิด ความจริงแล้วรองประธานไม่ได้หมายถึงอย่างนี้เลย ก็แค่การทำงานของหลินหยู่นจูในห้องประชุมใหญ่ไม่ค่อยมีชีวิตชีวา ดังนั้นรองประธานเลยจะมาเตือนเธอซักหน่อยให้ตั้งใจกับงานที่สำคัญกว่านี้ แซ่ร์เพ้ยถิงพูดไปเรื่อยเปื่อย จนคิ้วของฉีเทียนโย่วขมวดขึ้น และเขาเหลือบมองเธอจนเธอต้องหยุดปากเธอ ฉีเทียนโย่วมองไปรอบๆ แล้วตะคอกใส่ “ท่านรองประธาน ผมไม่สนใจว่าเรื่องก้าวร้าวที่คุณทำมาให้อดีต แต่คุณอย่าลืม คุณเป็นแค่รองประธานและไม่ได้เป็นคนตัดสินใจทุกอย่างของบริษัทของตระกูลฉีเพียงคนเดียว เวลาไหนจะถึงคราวลูกน้องผมต้องตัดสินใจ หืม?” จบประโยคสุดท้ายด้วยคำว่าหืมนั้น เหมือนเป็นคำถามและคำกล่าวโทษ ฉีเทียนโย่วรู้สึกว่าครั้งนี้ฉีเย่วทำเกินไปมาก แต่ก่อนเธอจะสร้างปัญหาอะไรเขาก็รับได้หมด ไม่เคยมีข้อแม้ซักครั้ง ขอเพียงไม่ทำเกินไปเท่านั้น แต่ครั้งนี้เธอกล้าที่จะยุ่งผู้หญิงของฉีเทียนโย่ว เรื่องนี้เขาจะไม่จัดการก็คงไม่ได้ “ที่นี้คือบริษัทตระกูลฉี ข้างหน้าของเธอคือเจ้านาย ถ้าอยากจะตามหาพี่ชายของเธอก็กลับบ้านไปหา อีกอย่าง คุณหลินเธอมาสมัครงานและเข้ามาทำงานด้วยตัวของเธอเอง และเธอก็เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทตระกูลฉี หากไม่ผ่านความเห็นของผม คุณก็ไม่มีสิทธ์ที่จะไล่เธอออก” คำพูดนั้นทำให้ฉีเย่วไม่สามารถพูดอะไรได้เลย เธอรู้ว่าแม้ว่าพี่ชายของเธอจะทำให้เธอดูแลและช่วยเหลือแต่ตราบใดที่มันเกี่ยวข้องกับงานและบริษัท เขาก็จะไม่ทำตามใจเธอตามเคย เธอกัดฟันแน่นไม่พูดไปซักพักหนึ่งถึงจะเอ่ยปาก “ค่ะ ท่านประธาน” ฉีเทียนโย่วเปลี่ยนละสายตาจากเธอแล้วจึงก้าวเท้ากว้างเข้าไปยังที่ทำการ แต่เมื่อเขาเดิมได้สามก้าวกลับเห็นว่าคนด้านหลังของเขายังยืนแน่นิ่งอยู่ “มัวทำไรอยู่?” “ห้ะ?”หลินหยู่นจูงงไปเลย เขาหมายถึงเดินไปด้วยกันเหรอ? ใจของเขายังสงสัยอยู่ทำได้เพียงแต่เดินตามเข้าไป “วางเอกสารลงก่อน” ชายหนุ่มสั่งอีกครั้ง “โอ้”หัวของหลินหยู่นจูดันไปหมด ก่อนที่จะกลับไปโต๊ะทำงานของตัวเองแล้ววางเอกสาร แล้วยังต้องรีบเร่งตามประธานไปอีก ฉากดังกล่าวทำให้พนักงานที่มุ่งดูเข้าใจแจ่มแจ้ง ว่าการที่ถูกทำให้ดูลับลมคมใน และถูกประธานรับมาทำงานในบริษัท ก็เพื่อนที่จะมาเป็นคนดูแลประจำตัวท่านประธานนี้เอง ตัวตนของหญิงสาวถูกเปิดเผยแล้ว ผู้หญิงคนนั้นที่ถูกกล่าวขานว่ามีเสน่ห์เย้ายวน แต่นึ้เป็นเรื่องโชคดีของหลินหยู่นจูนักแปลมาใหม่หรือไม่ ฉีเย่วกัดฟันของเธอแล้วตะโกนและออกจากออฟฟิศของเธอ เมื่อแซ่ร์เพ้ยถิงเห็นอย่างนี้เธอก็ตามไปอย่างรวดเร็ว มีเพียงลู่เหยียนที่สงบและสงบดูเหมือนจะไม่สนใจทุกอย่างและกลับไปที่สำนักงานของเขาโดยไม่มีร่องรอยของความแปลกประหลาด เสียงฝีเท้าของชายหน้านั้นสงบและมั่นคงด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ มากับเสียงปะทะกันระหว่างพื้นและรองเท้าหนังที่ราคาแพงที่เป็นจังหวะ หลินหยู่นจูตามหลังเขาโดยไม่พูดอะไรเลย แต่ใจยังสั่นสะเทือนไม่เคยสงบลง ฝีเท้าของฉีเทียนโย่วมาถึงประตูของสำนักงาน แต่ไม่ได้หยุดเดินแต่ยังคงเดินต่อไป หลินหยู่นจูชะลอก้าวเดินลง แล้วมองไปที่ประตูปิดสนิทของห้องท่านประธาน เธออ้าปากและอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ไม่ทันรู้ตัวชายหนุ่มก็เดินนำไปแล้ว เธอยังคงไม่อยากเข้าไปให้ออฟฟิศแล้ว 
已经是最新一章了
加载中