ตอนที่ 3   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 3
ตอนที่ 3 เสียงบทเพลงอันไพเราะที่ขับร้องโดยนางโลม ปกคลุมไปทั่วหอสุรา แต่บัดนี้ชายหนุ่มทั้ง 2 ที่อยู่ในห้องรับรองชั้นบนกลับไม่มีกะจิตกะใจในการรับฟัง อู๋เทียนหยุนั่งเล่นพัดในมืออย่างเบื่อหน่าย สุดท้ายก็ตัดสินใจเอ่ยปากดับความเงียบนี้ "ไม่เจอกันตั้ง 6 ปีอยากพบหน้าข้าแต่ไม่ไปหาข้าที่ตำหนัก กลับนัดเจอในหอสุรา โจงเซินคิดอะไรอยู่กันแน่?" อู๋เทียนหยุหยิบแก้วมากำเล่นในมือ แล้วถามหลี่ซีที่นั่งอยู่ข้างกายไปว่า "จะวาดสมองอันน้อยนิดของเขาจะทำให้เขาหลงทางในเมืองนี้หรือเปล่า?" หลี่ซีไม่ค้านคำเปรียบเปรยของอู๋เทียนหยุ "คนแรกที่เข้าไปพบตั้งแต่มาถึงที่นี่ไม่ใช่พวกข้า แต่กลับเป็นพี่ชายฝ่ายญาติของเขา สักพักพี่ชายของเขาคงจะพามาเองจะหลงทางได้ยังไง?" อู๋เทียนหยุหันไปมองสีหน้าของหลี่ซี แม้ว่าเขาจะทำสีหน้าเรียบเฉยแต่จากริมฝีปากที่เม้มแน่นของเขาก็สามารถทายออกถึงความตื่นเต้นของเขา เมื่อ 6 ปีก่อน อู๋เทียนหยุขอออกจากเขาซางอู๋กับอาจารย์ แต่เขากลับนึกไม่ถึงว่าศิษย์น้องคนนี้ของเขาจะขอติดตามเขามาด้วย เพราะอู๋เทียนหยุคิดว่าทั้งภาระและความแค้นล้วนเป็นเรื่องของเขาผู้เดียว เขาไม่เคยเอ่ยปากเล่าเพราะไม่อยากให้คนอื่นเข้ามายุ่ง แต่หลี่ซีเป็นคนที่หยิ่งแถมใจร้อน ทั้งที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยแต่ก็เก็บสัมภาระแล้วออกจากเขาซางอู๋พร้อมกับอู๋เทียนหยุ แถมไล่ยังไงก็ไล่ไม่ไป พอเห็นอู๋เทียนหยุมีท่าทีโมโห หลี่ซีจึงพูดว่า "ศิษย์พี่ อาจารย์บอกว่าทางที่ท่านกำลังจะเดินมันลำบาก" ตั้งแต่วันนั้นไม่ว่าสนามรบหรือในวังหลวง ทุกช่วงเวลาที่อู๋เทียนหยุค่อยๆไต่ระดับจนขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งไท่เว่ย หลี่ซีเองก็คอยอยู่ข้างเขาเสมอแม้จะถูกคนประนามก็ตาม นี่เป็นสิ่งที่อู๋เทียนหยุไม่เคยนึกมาก่อนเพราะในเขาซางอู๋ยังมีคนที่หลี่ซีคอยเป็นห่วงอยู่ ปล่อยปละความเอาแต่ใจความคิดเล่น แถมยังรับโทษแทน หลี่ซีดูแลเขาอย่างทะนุถนอม คนโง่เขลาอย่างโจงเซินไม่เคยรับรู้อะไรเลย มีแต่คนนอกอย่างอู๋เทียนหยุที่มองออกทุกอย่าง หลายปีที่ผ่านมานี้หลี่ซีมักจะหาเวลาว่างกลับไปเยี่ยมเขาเสมอ เมื่อไม่นานมานี้อาจารย์ของโจงเซินได้ลาจากโลกนี้ไป โจงเซินได้เขียนจดหมายมาบอกว่าถ้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจะมาหาพวกเขา แต่ 2-3 คืนมานี้อู๋เทียนหยุมักจะสังเกตเห็นหลี่ซีเหม่อลอยเป็นประจำ แต่มาวันนี้กลับมีอารมณ์ฉุนอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนจะมีกลิ่นความหึงปนอยู่ด้วยไม่น้อย อู๋เทียนหยุรู้สึกสนุกขึ้นมาทันที ถึงรีบวางแก้วลงแล้วพูดว่า "พี่ชายที่ว่าคือคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนแถมยังเฉลียวฉลาดเก่งกาจทุกอย่าง คนที่โจงเซินเล่าให้ฟังบ่อยๆคนนั้นเหรอ?" อู๋เทียนหยุหลุดขำ "ถ้าคิดว่าเป็นเพียงการรวมคำชมที่โจงเซินพูดโอ้อวดขึ้นมาซะอีก" หลี่ซีมองไปที่อู๋เทียนหยุแต่ไม่ได้ตอบอะไร อู๋เทียนหยุหัวเราะสะใจที่ได้แกล้งหลี่ซี แต่พอเห็นสีหน้าที่ดำเหมือนถ่านนั้นแล้วจึงหยุดล้อ อู๋เทียนหยุตบไหล่หลี่ซีด้วยพัดแล้วพูดว่า "เจอกันสักหน่อยก็ดี บัดนี้เมืองจิงดูทั้งครึ่งเมืองอยู่ในมือข้า แล้วเจ้าเองก็เป็นหัวหน้าหน่วยลับของข้าอีก คิดว่าจะแพ้ชายผู้นั้นหรือไงกัน?" สีหน้าของหลี่ซีดีขึ้นมาทันทีแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ผ่านไปสักพักโจงเซินก็เดินเข้ามา "ที่นี่แหละ" เสียงเปิดประตูดังขึ้น พอเห็นหน้าคนที่ก้าวเข้ามาในห้อง นอกจากโจงเซินแล้วคนที่เหลือทั้งสารต่างก็พากันอึ้ง "ไม่เจอกันตั้งนานนะ!" ชายหนุ่มที่หน้าตาทะเล้นเหมือนเด็กน้อยยิ้มทัก โจงเซินทักทายอย่างสนิทสนมแต่กลับไม่มีใครสนใจเขาเลย พอหลี่ซีเห็นคนที่โจงเซินพามา เขาก็รีบถอยไปยืนด้านหลังของอู๋เทียนหยุ อู๋เทียนหยุส่งสายตาต้องผ่านไปยังคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของโจงเซิน แล้วฉีกยิ้มออกมาทันที โจงเซินมองตามสายตาของอู๋เทียนหยุแล้ว เห็นเชี้ยวเฟิงหลินเองก็ยิ้มตอบอู๋เทียนหยุเช่นกัน "ข้าไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เจอท่านอู๋ที่นี่นะขอรับ" อู๋เทียนหยุยิ้มตอบ "ดูเหมือนว่าฟ้าลิขิตให้เราทั้งสองมาเจอกันนะ" "เรื่องชะตาฟ้าลิขิตข้าไม่เชื่อหรอก" "เอ๋?เจ้าทั้งสองรู้จักกันหรอ?' โจงเซินพูดแทรกขึ้นทันที "ก็แค่เจอกันบ่อย" เชี้ยวเฟิงหลินยิ้ม "ก็แค่เช้าวันนี้มีคนสติฟั่นเฟือนมาชวนข้าคุยเท่านั้นแหละ ไม่ถึงกับสนิท" "สติฟั่นเฟือน?เขาพูดว่าอะไรล่ะ?" โจงเซินถามด้วยความสงสัย "จะว่าไปแล้วก็น่าแปลกใจ เพื่อนที่เจ้าว่าคือพวกเขางั้นรึ?" เชี้ยวเฟิงหลินถาม "ก็ใช่น่ะสิ อาจารย์ข้ากับอาจารย์ของพวกเขาเป็นเพื่อนรู้ใจที่อาศัยอยู่บนเขาซางอู๋ ข้ารู้จักพวกเขาตั้งแต่ที่ค่าเริ่มเรียนที่สำนักหมอแล้ว พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกันมากเลยล่ะ!" โจงเซินพูด "นี่ท่านพี่เมื่อเช้าเขาพูดอะไรกับเจ้ากันแน่?" เชี้ยวเฟิงหลินหันกลับไปมองอู๋เทียนหยุ "ถ้าเช่นนั้นข้าก็ต้องขอบใจที่ท่านอู๋ช่วยดูแลโจงเซินด้วยนะขอรับ" "ท่านเชี้ยวไม่ต้องเกรงใจหรอก" อู๋เทียนหยุยิ้มตอบ "......ท่านพี่จะไปขอบใจตานั่นทำไม?" โจงเซินเดินไปกระชากตัวหลี่ซีแล้วพูดว่า "คนนี้ต่างหากที่คอยดูแลข้า ทุกครั้งที่อู๋เทียนหยุรังแกข้าเขาก็ช่วยข้าตลอด ต้องขอบคุณเขาต่างหาก!" หลี่ซีก้มหน้าแล้วมองไปที่โจงเซิน อู๋เทียนหยุกำพัดแน่น เชี้ยวเฟิงหลินได้เพียงแต่หัวเราะแต่กลับไม่พูดอะไร โจงเซินเพิ่งสังเกตเห็นจุดยืนของหลี่ซี "หลี่ซีเจ้ามายืนทำอะไรตรงนี้?" หลี่ซีไม่ตอบ หลานสั้นนั่งลงบนเก้าอี้แล้วยกมือเชิญทุกคนนั่ง "งานเลี้ยงส่วนตัวเจ้าไม่ต้องถืออะไรมากหรอก ในเมื่อเจ้าเป็นเพื่อนของอาเซินก็นั่งร่วมโต๊ะกันเถอะ" พอหลี่ซีได้ยินชื่อที่เชี้ยวเฟิงหลินเรียกแทนโจงเซินก็ยิ่งไม่พอใจเข้าไปใหญ่ จึงหันไปมองอู๋เทียนหยุ อู๋เทียนหยุยิ้มแล้วพูดว่า "ในเมื่อท่านเชี้ยวก็เลยปากชวนแล้ว เธอก็นั่งเถอะไม่ตายหรอก" หลี่ซีเดินกลับไปนั่งที่เดิม เชี้ยวเฟิงหลินไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่ยิ้มอ่อน แต่โจงเซินกลับไม่พอใจในคำพูดของอู๋เทียนหยุ "นี่อู๋เทียนหยุ!คำที่เจ้าพูดหมายความว่าอะไรกัน?พูดอย่างกับว่าท่านพี่ของข้าจะกินพวกเจ้างั้นแหละ!" อู๋เทียนหยุยักคิ้วแล้วมองไปที่โจงเซิน ทำให้โจงเซินรีบกล้องถอยหลังทันที อู๋เทียนหยุกำลังจะพูดหลานชั่นก็ชิงพูดขึ้นก่อน "อาเซิน!" โจงเซินเงียบแล้วรีบนั่งลงข้างเชี้ยวเฟิงหลินทันที "ถ้ามีข้อสงสัยข้อหนึ่ง" เชี้ยวเฟิงหลินพูดขึ้น "อาเซินทุกส่งไปเรียนหมอตั้งแต่เด็ก ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านก็ไม่ได้สั่งสอนมารยาทตั้งแต่เด็ก พอโตมาก็ปรับนิสัยเด็กไม่ได้เสียที ทีแรกข้าก็นึกว่าลูกศิษย์สำนักหมอจะเป็นนิสัยแบบนี้กันหมด แต่ท่านอู๋กลับห้องครับท่านนี้ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด มันเป็นยังไงกันแน่?" "ก็เพราะอาจารย์ของโจงเซินขี้เล่นไม่ยอมแก่ไง" อู๋เทียนหยุกล่าว "นี่!......" โจงเซินไม่พอใจ แต่พอเห็นว่าเชี้ยวเฟิงหลินนั่งอยู่ข้างๆจึงปรับน้ำเสียงให้เบาลง "ไม่ใช่สักหน่อย อย่างอาจารย์ค่ะเขาเรียกว่าร่าเริงต่างหาก" หลี่ซีมองไปที่โจงเซินแต่กลับรู้สึกว่าคำเปรียบเทียบของเขาไม่ค่อยเหมาะกับอาจารย์ของเขาสักเท่าไหร่ อู๋เทียนหยุมองโจงเซินด้วยสายตามองบน "นี่ท่านพี่ข้าจะบอกอะไรให้นะ อู๋เทียนหยุไม่ใช่คนดีอะไรเลย" โจงเซินหันไปบอกเชี้ยวเฟิงหลินด้วยสีหน้าจริงจัง "อาจารย์ข้าเคยบอกว่าคนอย่างอู๋เทียนหยุเวลามีความสุขก็สุขจนเหมือนคนบ้า แต่เวลาโกรธก็น่ากลัวเหมือนปีศาจ" "......" อู๋เทียนหยุกำหมัดแน่นแต่ก็ไม่ได้ทำอะไร "หมอเทวดาไม่ธรรมดาทุกคนจริงๆด้วย" เชี้ยวเฟิงหลินหัวเราะ "แต่ท่านอู๋อย่าใส่ใจไปเลย ท่านเป็นคนยังไงข้ารู้ดี" อู๋เทียนหยุยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยเพราะไม่รู้ว่าคำพูดของเชี้ยวเฟิงหลินเป็นคำปลอบใจหรือพูดจิกกัดกันแน่ มีเพียงแต่โจงเซินที่ลงคิดว่าเชี้ยวเฟิงหลินพูดจริงจังจึงหัวเราะเบา "เห็นไหมล่ะอาจารย์ค่าสนุกจะตาย" โจงเซินหันไปพูดกับเชี้ยวเฟิงหลิน "แต่จะว่าไปแล้วเรื่องจิกคนหาเรื่องคนข้าว่าอาจารย์ข้าก็ไม่เก่งเท่าท่านพี่หรอก" ทั้งสามคนมองไปที่โจงเซินด้วยสายตาแปลกๆ เจ้าจะอยู่ข้างใครกันแน่ อู๋เทียนหยุกับเชี้ยวเฟิงหลินแม้จะไม่ถูกคอกันแต่ก็พอคุยกันไปได้ แถมยังมีโจงเซินค่อยร่วมด้วย บรรยากาศบนโต๊ะอาหารจึงถือว่าไม่น่าอึดอัดจนเกินไป สุดท้ายหลี่ซีก็หาข้ออ้างพาโจงเซินออกไปคุยสองต่อสอง "เจ้ารู้ว่าท่านพี่ของเจ้าทำงานอะไรหรือไม่?" หลี่ซีถาม โจงเซินพยักหน้า "รู้สิก็เป็นขุนนางในราชวังไง" "แล้ว…...เจ้ารู้ว่าศิษย์พี่เขาทำงานอะไรหรือไม่?" หลี่ซีถามต่อ โจงเซินพยักหน้า "รู้สิก็เป็นคนนั่งในราชวังไง" "......" หลี่ซีมองโจงเซินแล้วเงียบไปครู่นึง "ช่างเถอะ!เรากลับกันเถอะ"
已经是最新一章了
加载中