ตอนที่ 1 มู่หลาน มู่หลัน
1/
ตอนที่ 1 มู่หลาน มู่หลัน
ยอดหญิงฮัวมู่หลาน
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 1 มู่หลาน มู่หลัน
ตอนที่ 1 มู่หลาน มู่หลัน “ตระกูลฮัวเอ๋ย ไม่ใช่ข้าว่าหรอกนะ แม้บุตรชายตระกูลหลิวต้องการแต่งบุตรสาวของเจ้าไปเป็นภรรยาคนรอง แต่ตระกูลของเขานั้นบริสุทธิ์ใจ เด็กน้อยสองคนนั้นก็ยังเล็กยิ่ง หากยามนี้เลี้ยงย่อมเลี้ยงได้ดีแน่ อีกประการหนึ่งมู่หลานของพวกท่านก็...” แม่สื่อหยุดชะงักไปแล้วจึงเอ่ยต่อว่า “หากบุตรสาวบ้านท่านมิใช่วีรสตรีของแผ่นดิน ตระกูลหลิวก็ไม่มีทางยอมตกปากรับคำหรอก!” หยวนซื่อถูกท่าทาง “หยุดชะงัก” ของแม่สื่อทำเอาใบหน้าปรากฎความเก้อความกระดาก ด้วยนางมีอุปนิสัยเมตตากรุณา หรือกล่าวให้ชัดหน่อยก็คือขี้ขลาดนั่นแหละ นางไม่มีทั้งการโต้แย้งใดๆหรือแสดงความอับอายจนกลายเป็นโทสะกลับทำแค่ร้องอือออขานรับไปกับอีกฝ่าย “ที่ท่านกล่าวมาก็ถูก ตระกูลหลิวนั้นฟังดูแล้วไม่เลวจริงๆ เพียงแต่ว่า...” “เพียงแต่อะไรรึ? แม้ว่าในอดีตมู่หลานจะเคยเป็นแม่ทัพหญิงประจำกองทัพมาก่อน แต่เมื่อแต่งงานก็ย่อมเหมือนสตรีทั่วไปกระมัง นางอายุสามสิบกว่าปีแล้ว หากเวลานี้ไม่พยายามเสาะหาชีวิตในอนาคต วันหน้ามิใช่ว่าแม้แต่คนส่งศพนางก็ไม่มีกระนั้นหรือ?” “แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่ว่า...” “แต่ว่าท้ายที่สุดจะดีหรือเลวก็ต้องไปดูเท่านั้นจึงจะรู้ได้” ผ่านผ้าม่านที่แขวนอยู่ด้านหลังของเรือนพลันแว่วเสียงกังวานลุ่มลึกน่าฟังออกมาหนึ่งเสียง เมื่อเสียงทุ้มต่ำน่าฟังดังขึ้น ผ้าหยาบที่ถูกดัดแปลงเป็นประตูก็ถูกเลิกออกจากนั้นบุรุษร่างสูงบนกางเกงขายาว บริเวณเอวผูกเงื่อน ด้านหลังศีรษะมีหมวกหนังชาวเซียนเป่ยห้อยเอาไว้ก็ก้าวออกมา “เจ้าออกมาได้อย่างไรกัน!” หยวนซื่อตะลึง ดวงตาทั้งสองข้างไม่รู้ว่าควรจะมองป่ายไปทางไหนถึงจะถูก แม่สื่อนางนั้นปกติคุ้นชินกับการชักพาวาสนาให้คนหนุ่มสาวในเขตชนบท เมื่อพบเข้ากับบุรุษแต่งกายเช่นนี้ก็ทราบทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นชาวเซียนเป่ย ในแผ่นดินต้าเว่ยมีเพียงชาวหูที่จะพับสาบเสื้อไปทางด้านซ้าย ในขณะที่ชาวฮั่นจะพับไปทางด้านขวา หากสามารถสวมหมวกหนังได้ฐานะต้องไม่ต่ำแน่ๆ แม้ชาวฮั่นจะเป็นประเภท ‘ทันสมัย’ แต่ก็ไม่สวมใส่สิ่งนี้ นางตกใจเสียจนลุกขึ้นยืน จากนั้นจึงค้อมเอวคารวะอีกฝ่ายอย่างเคารพนอบน้อม ที่นี่คือตำบลเหลียง ตำบลเล็กๆในเมืองอวี๋มิใช่เมืองหลวงผิง และยิ่งมิใช่เขตยุ้งฉางสำหรับทหารในเขตฝั่งเหนือ ชาวเซียนเป่ยมิได้มีให้เห็นบ่อยครั้งนัก ตอนเมื่อตระกูลฮัวเพิ่งย้ายจากตำบลซู่ฟังมาที่นี่ก็ทำให้ผู้คนแตกตื่นไม่น้อย ดังนั้นยามนี้นางได้พบเจอบุรุษชาวเซียนเป่ยย่อมต้องมองให้มากหน่อย “เรื่องแต่งงานของญาติผู้น้องของข้าไยจึงตกลงกันได้ตามอำเภอใจเช่นนี้! ที่นางจัดทัพออกศึกมายี่สิบปี สละยศตำแหน่งขั้นสูงอย่าบอกนะว่าเพื่อที่นางจะกลับมาถูกจับคู่อย่างไรก็ได้?” มู่หลันหรี่ตามองหยวนซื่อ พยักพเยิดปลายคางไปทางแม่สื่อผู้นั้นออกคำสั่งว่า “เจ้าจงนำทางข้า ข้าอยากจะไปดูตระกูลหลิวนั่นสักหน่อย หากว่าเขาดีจริงพวกเราก็จงทำตามลำดับขั้นต่อไป แต่หากไม่ดีเรื่องทั้งหมดนี่ก็หยุดไว้เสียตรงนี้เถิด” “แต่...ว่ามีที่ไหนกันให้พี่น้องชายฝั่งบ้านสตรีไปสอดส่องบ้านบุรุษ...” หัวคิ้วแม่สื่อขมวดเข้าหากัน ไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอะไรดี ก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่าฮัวมู่หลานมีลูกพี่ลูกน้องเป็นชาวเซียนเป่ยฝีมือร้ายกาจอยู่ผู้หนึ่งที่ร้องขับไล่แม่สื่อไปแล้วหลายต่อหลายคน วันนี้เมื่อได้มาเจอ ตัวคนแม้ไม่ได้เกิดมาหน้าตาดุร้ายแต่ไยทั้งตัวจึงมีแต่ไอเย็นชวนขนหัวลุกเสียอย่างนั้นกันเล่า! หาเงินด้วยอาชีพแม่สื่อนั้นไม่ง่ายจริงๆ! “บุตรสาวของชาวเซียนเป่ยมิเหมือนสตรีชาวฮั่น ป้าหวาง เชิญนำทาง” มู่หลันชี้นิ้วไปที่ประตู ใช้ความรู้สึกเฉกเรื่องที่ควรทำก็ไม่ควรเกี่ยงงอนบีบบังคับให้แม่สื่อนำนางไปตระกูลหลิว ทิ้งไว้เพียงใบหน้าตื่นตะลึงของหยวนซื่อ นางเอนกายพิงกรอบประตูมองดูฮัวมู่หลาน บุตรสาวคนรองของตนติดตามแม่สื่อออกไป ยามนี้เกือบจะกล่าวได้ว่านางแทบจะอยากเอาศีรษะโขกกำแพงเสียให้รู้แล้วรู้รอด นาง นาง นาง.... นางแต่งกายปลอมตัวเป็นบุรุษออกไปกลั่นแกล้งผู้อื่นอีกแล้ว! นี่นางยังอยากแต่งงานอยู่หรือไม่! บนถนนเส้นเล็กในหมู่บ้านหลิวจี๋ เฮ่อมู่หลันผู้มีรูปร่างสูงกว่าเจ็ดฉื่อ อยู่ในชุดอาภรณ์บุรุษเดินตามร่างเล็กเตี้ยของแม่สื่อหวางในใจกำลังลอบเอ่ยคำตำหนิไม่หยุด ‘ผู้ใดอย่างแต่งงานกัน!’ เวลาเพิ่งผ่านมาไม่เท่าไหร่กลับเอ่ยถึงเรื่องแต่งงานถึงสามรอบแล้ว! นี่คือสิ่งตอบแทนวีรสตรีหญิงควรได้รับงั้นรึ? ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะนางผู้ซึ่งมีชีวิตอยู่ในยุคปัจจุบันดันกลายมาเป็นเทพสงครามที่กำลังถูกบังคับให้แต่งงานแท้ๆ! โอเค ในยุคโบราณเช่นนี้อายุของเทพสงครามหญิงอย่างฮัวมู่หลานก็ถือได้ว่าไม่น้อยแล้วจริงๆ หากเป็นคนธรรมดาอายุขนาดนี้ต่อให้เป็นท่านย่าของผู้ใดก็น่าจะมีให้เห็นอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ว่าอายุจะเยอะขนาดไหนก็ไม่ควรต้องถึงขั้นทำร้ายคนเช่นนี้กระมัง? ครั้งก่อนเป็นเศรษฐีชายอายุสี่สิบปีจากหมู่บ้านเดียวกันผู้ร่ำรวยจากการฆ่าหมู กล่าวว่าผู้อื่นเงินมีรึไม่ ก็มีจริงนั่นล่ะ เพียงแต่เมื่อนางไปตรวจสอบดู ลองถามซ้ายถามขวากลายเป็นว่าบ้านนี้มีอนุภรรยาอยู่แล้ว ทั้งอีกฝ่ายยังชอบตบตีลูกและภรรยาอีกด้วย ภรรยาคนก่อนก็ถูกตีจนตาย ยามนี้จึงเสาะหาสตรีที่ตีไม่ตายไปเป็นเมีย มันเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงคิดว่าตัวเองเหมาะสมกับฮัวมู่หลาน? ไม่กลัวถูกฮัวมู่หลานตีตายหรืออย่างไร? ยังมีอีกครั้งหนึ่ง กล่าวว่าเป็นตระกูลที่น่าเคารพเลื่อมใสตระกูลหนึ่ง อีกทั้งบรรพบุรุษก็รับตำแหน่งขุนนางมาก่อนแต่ด้วยเพราะในตระกูลหมดหนทางอยู่รอดจึงยอมแต่งงานเข้าสกุลฝ่ายภรรยา ปรากฎว่าเมื่อนางลองแอบไปสืบข่าว ที่ไหนกันที่ว่าตระกูลหมดหนทางอยู่รอด ที่แท้ก็เป็นแค่ชายรักชายผู้หนึ่งที่ถูกคนจับได้ ครอบครัวจึงรีบหาทางขับไล่เขาเพื่อล้างอาย หากฮัวมู่หลานอยากหาชายรักชาย คิดว่าในค่ายทหารไม่มีอย่างนั้นรึ? วิ่งกลับบ้านนอกมาหาชายรักชาย? นางรู้สึกตื้นตันใจกับประเพณีความซื่อสัตย์ของคนที่นี่จริงๆ คนทั่วไปเพียงแค่รู้ว่าจะมีคนมาทาบทามสู่ขอก็ไม่ยอมปล่อยให้ลูกสาวกระโดดสู่ขุมนรก มีอะไรก็พูดอย่างนั้นย่อมมิปิดบัง ถ้าเป็นยุคปัจจุบันที่นางจากมาน่ะรึ? ต่างฝ่ายต่างล้างธรณีประตูรอเลยล่ะ ใครจะรู้ว่าบ้านที่อีกฝ่ายอยู่เป็นอย่างไร ถึงต่อให้มีคนรู้ก็ไม่กล้าเอ่ยขึ้นมา ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆล่ะก็ ต่อให้เป็นขุมนรกจริงฮัวมู่หลานก็คงไม่มีทางรู้ได้! ครั้งนี้ที่มีคนอยากมาสู่ขอฮัวมู่หลานไปเป็นอนุภรรยาก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลเสียทีเดียวหรอกกระมัง? เฮ่อมู่หลันมองดูท้องฟ้าอย่างหมดคำเอ่ย รู้สึกว่าภารกิจพิทักษ์ ‘ไอดอล’ ของตัวเองนั้นหนักอึ้งไม่น้อยเลย เฮ่อมู่หลันเดิมเป็นนิติเวชหญิงอยู่เมือง n ทำงานอยู่ในสังกัดสันติบาลการสืบสวนอาชญากรเมือง n ปีนี้อายุยี่สิบแปดปี สถานะยังไม่แต่งงาน เป็นหนึ่งในจำพวกคนหนุ่มสาวอายุเยอะในยุคปัจจุบันที่ถูกเร่งให้แต่งงานอยู่เนื่อง ๆ หนึ่งข้อแตกต่างระหว่างฮัวมู่หลานกับเฮ่อมู่หลันเห็นจะเป็นที่ เฮ่อมู่หลัน ‘ผ่า’ คนตายมากเกินไปจนไม่มีผู้ใดต้องการ ขณะที่กรณีของฮัวมู่หลานเป็น ‘ฆ่า’ คนมากเกินไปจนไม่มีใครกล้าแต่งด้วย อวี๋เหลียงเพื่อนของนางเคยหัวเราะเยาะบอกว่าไม่สู้หาคนทำอาชีพเดียวกันไปเลย ตกกลางคืนยังสามารถนั่งวิเคราะห์โครงสร้างมนุษย์ด้วยกันได้ ปัญหาคือแม้แต่เพื่อนร่วมอาชีพก็ไม่มีใครสนใจนางเลยน่ะสิ คนพวกนั้นชอบผู้หญิงตัวเล็กน่าทะนุถนอมนิสัยอ่อนโยน ช่วงแรก ๆ ที่นางเพิ่งทะลุมิติมาไม่ทันได้สังเกตว่าร่างที่ตนเข้ามาอยู่เป็นใครรู้สึกเพียงแค่ว่าคนในครอบครัวนี้มีแต่เรื่องแปลกๆที่กล่าวไม่ถูก คนแม่ก็ไม่เหมือนเป็นแม่ เหมือนน้องสะใภ้เสียมากกว่า คนพ่อขาทั้งสองข้างไม่ดี พอตาเหลือบเห็นนางก็ทำแค่ถอดถอนใจ ส่วนพี่สาวได้ยินว่าแต่งออกไปแล้วและอยู่ไกลจากที่นี่ หากไม่มีเรื่องร้ายแรงก็จะไม่กลับบ้าน มีน้องชายคนเล็กอยู่หนึ่งคนที่พอเห็นนางก็ทำท่าราวกับเห็นหัวหน้า เหลือแค่ยังไม่คุกเข่าค้อมเอวให้ก็เท่านั้น ดีที่ร่างที่นางอาศัยหลังทะลุมิติมายังมีเศษความทรงจำของเจ้าของเดิมอยู่ไม่น้อย ที่นางสามารถปรับตัวให้เข้ากับร่างนี้ได้ก็เพราะเหตุนี้ นางใช้เวลาสามสี่วันในการจัดระเบียบความทรงจำ พอทุกอย่างชัดเจนก็ตกใจจนวิญญาณเกือบหลุดจากร่าง! ร่างที่นางใช้อยู่คือร่างของฮัวมู่หลาน! ฮัวมู่หลาน ฮัวมู่หลานชื่อกระฉ่อนผู้นั้น! ไอดอลตั้งแต่ครั้งยังเป็นเด็กของนาง ผู้เป็นเหตุผลหลักที่นางถูกล้อชื่อมาตั้งยี่สิบแปดปี! ฮัวมู่หลานผู้นี้เป็นชาวเป่ยเว่ยยุคต้น ยามนี้เผ่าเซียนเป่ยยังไม่ได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้เสี้ยวเหวินให้เปลี่ยนเป็นชาวฮั่นดังนั้นถึงฮัวมู่หลานแซ่ฮัว แต่ก็ไม่ใช่ฮัว เพราะว่าบิดาผู้ให้กำเนิดคือคนเซียนเป่ย เป็นทหารพลเรือนประจำจวนอิงหยางให้กับต้าเว่ย บรรพบุรุษรุ่นสู่รุ่นล้วนตัดสินใจเป็นทหาร ชาวเซียนเป่ยพูดภาษาของเซียนเป่ย มีภาษาแต่ไม่มีตัวอักษร เพราะฉะนั้นแซ่เฮ่อก็ดี แซ่ฮัวก็ดีหรือจะบอกว่าแซ่เหอหลันก็ได้ ประชาชนเป่ยเว่ยยุคแรกเริ่มส่วนมากคือชาวเซียนเป่ยที่พูดภาษาเซียนเป่ย แต่เขียนอักษรฮั่น มีคำทับศัพท์ค่อนข้างเยอะ บรรพบุรุษของฮัวมู่หลานเดิมมีถิ่นอาศัยอยู่ในตระกูลเฮ่อไล่ ต้นตระกูลของฮัวมู่หลานเป็นทาสในตระกูลนั้น ต่อมาได้รับอิสระ เพื่อแบ่งแยกความแตกต่างกับตระกูลของผู้เป็นนาย ตอนที่พวกเขาลงทะเบียนแซ่จึงเปลี่ยนเป็นตัวอักษรฮั่นซึ่งก็คือแซ่ “ฮัว” ในปัจจุบัน เวลานี้ก็คือยุคสมัยที่คนรุ่นหลังเรียกว่ายุคเว่ยไท่อู่ตี้ซึ่งมีโถ้ป๋าทาวเป็นฮ่องเต้ แม้ว่าเซียนเป่ยยังไม่เข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนเป็นแปลงตนเป็นชาวฮั่นอย่างเต็มรูปแบบ ทว่าในกลุ่มประชาชนกลับไม่มีป้อมปราการที่แบ่งแยกอย่างชัดเจนอีกแล้ว การเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างชาวเซียนเป่ยกับชาวฮั่นด้วยการแต่งงานยังมีน้อยนัก แต่นักรบชาวเซียงที่แต่งสตรีชาวฮั่นเข้าสกุลกลับมีให้เห็นอยู่ทั่วไป หยวนซื่อมารดาของฮัวมู่หลานก็แต่งให้กับพ่อของนางด้วยประการนี้เช่นกัน แต่ที่กล่าวมาข้างบนไม่ใช่ประเด็นสำคัญ!!! ที่สำคัญคือร่างที่นางอาศัยอยู่นั้นไม่ใช่ฮัวมู่หลานชื่อกระฉ่อนผู้นั้น แต่เป็นฮัวมู่หลานผู้มีสมญานาม “แม่ทัพร้อยศึก นักรบผู้ที่หนึ่งทศวรรษจะถือกำเนิดมาเพียงคนเดียว” เป็นฮัวมู่หลานที่กล้าปฏิเสธน้ำใจของโอรสสวรรค์ ปลดชุดเกราะหวนคืนสู่ไร่นา! นอกจากทองคำและพับผ้าไหมที่ได้รับปูนบำเหน็จที่เหลืออย่างอื่นก็ไม่มีแล้ว! แม่ทัพหลี่ล่ะ? พี่หลิวที่ชอบพูดจาเพี้ยนๆผู้นั้นล่ะ? ที่แย่ที่สุดก็คือ ‘ก๊วนเพื่อนๆ’ ที่แค่ก้าวเท้าออกจากบ้านก็ได้เจอนั่นอีกล่ะ! ไป...ไหน...กัน...หมด...แล้ว! หรือว่านิยายกับละครโทรทัศน์พวกนั้นโกหกกันนะ? ยังไม่รวมถึงฮัวมู่หลานที่ยอมปลดชุดเกราะหวนกลับสู่ไร่นาแต่ไม่มีญาติสนิทมิตรสหายคนไหนสนใจจะเข้ามาเยี่ยมเยียนนางเลย! กล่าวว่านางฆ่าคนเป็นผักปลา! กล่าวว่านางอัปลักษณ์! กล่าวว่านางหน้าไม่อาย กินนอนกับบุรุษในค่ายทหารตั้งยี่สิบปี! กล่าวว่าเพราะนางเป็นสตรีชาวเซียนเป่ยจึงมีส่วนสูงถึงแปดฉื่อร่างสันกำยำใบหน้ามีเคราดกรกครึ้ม! .... สตรีชาวเซียนเป่ยสูงแปดฉื่อรูปร่างกำยำทั้งใบหน้ามียังเครางอกออกมาด้วยงั้นรึ? หมายถึงบุรุษเซียนเป่ยรึเปล่า? แต่ว่าก็เพราะมีข่าวลือพวกนี้ออกมา ทุกวันนี้เฮ่อมู่หลันจึงสามารถวิ่งตะลอนออกไปข้างนอกได้อย่างอิสระ ไม่มีใครอยากมีติดต่อกับนางและฮัวมู่หลานผู้ซึ่งมี “ร่างสันกำยำ” คนนั้น ความจริงแล้วแม้ความสูงของเธอจะเลยหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรจริงแต่สัดส่วนรูปร่างกลับสูงโปร่งดี ห่างจากคำว่า “ร่างสันกำยำ” นั่นไปหลายโยชน์ ครอบครัวของฮัวมู่หลานเดิมอาศัยอยู่ที่ตำบลซู่ฟังเขตปลูกเสบียงรับตำแหน่งทหารพลเรือน เพราะฮัวมู่หลานออกไปจับศึกแทนบิดาในบ้านจึงขาดบุตรสาวไปหนึ่งคนจากนั้นก็มักมีข่าวลือซุบซิบออกมา ฮัวฟู่เองก็กลัวเกิดเรื่อง รอกระทั่งจนโอรสสวรรค์ยกทัพไปยังภาคใต้ด้วยพระองค์เอง ยามเมื่อแผ่นดินฝั่งใต้ถูกยึดเป็นจุดยุทธศาสตร์แล้วย่อมต้องการผู้เก็บเกี่ยวเสบียงสำหรับกองทัพ ตระกูลฮัวจึงอาศัยเหตุนี้เล็ดลอดสายตาพวกทหารพากันอพยพไปยังตำบลเหลียงที่อยู่ภาคใต้ได้สำเร็จ เมื่อย้ายไปแล้วก็ลงหลักปักฐานอาศัยอยู่กว่าเจ็ดแปดปี ชาวบ้านในตำบลเหลียงรู้จักเพียงชื่อ “ฮัวมู่หลาน” หากแต่มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่านางหน้าตาเป็นอย่างไร เรื่องนี้สร้างความสะดวกสบายให้แก่เฮ่อมู่หลันไม่น้อย นางมักจะแอบสวมรอยหยิบยืมชื่อ “ฮัวเก้อหู่” ญาติผู้พี่ที่อยู่ในกองทัพของตน แอบเล็ดลอดออกไปเที่ยวเล่นทำความเข้าใจขนบธรรมเนียมประเพณีของคนในพื้นที่อยู่บ่อยครั้ง หยวนซื่อ แซ่ฮัวคนแม่มีนิสัยอบอุ่นใจดี ส่วนแซ่ฮัวคนพ่อมีความรู้สึกละอายใจต่อบุตรสาวจึงแทบจะไม่เข้ามาข้องแวะระรานนางเลย ส่วนน้องชายของนางคือบุคคลที่ไม่ว่านางจะเอ่ยอะไรก็ร้องเป็นอยู่คำเดียวคือคำว่าดี เพราะฉะนั้นถือได้ว่านางทะลุเข้าร่างของสตรีที่ค่อนข้างโชคดีคนหนึ่ง สามารถไปได้ในทุกที่ที่อยากไป หากเรื่องราวไม่ใช่เช่นนี้ล่ะก็ ต่อให้เฮ่อมู่หลันเป็นคนมองโลกในแง่ดีแค่ไหนก็คงถูกความเบื่อฆ่าตายแน่ๆ มาบัดนี้ ทะลุมิติมาเป็นเรื่องจริง ตอนนี้นางอยู่ในร่างสาวอายุเยอะเข้าวัยกลางคน เป็นสตรีกำยำแซ่ฮัวผู้ซึ่งฆ่าคนเป็นผักปลา ทั้งฮัวมู่หลานผู้มีเบื้องหลังที่ร่ำรวยและเข้มแข็ง เฮ่อมู่หลันรู้สึกว่าแรงกดดันช่างเยอะเหลือเกิน ตกกลางคืนเตียงก็นอนไม่สบาย ไม่มีเก้าอี้สำหรับนั่ง อาหารก็รสชาติเหมือนเคี้ยวผงชูรส ยามเข้าสุขาก็มักเกิดความรู้สึกอยู่ไม่สู้ตายและอื่น ๆอีก ล่าสุดเฮ่อมู่หลันต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ที่เพียงพอให้คนผู้หนึ่งกัดลิ้นฆ่าตัวตายก็คือ... ยามนี้ฮัวมู่หลานอายุสามสิบสอง ซึ่งกล่าวได้ว่าค่อนข้างจะเยอะเกินไปสักหน่อยแล้ว อาหมู่(แม่) ของนางจึงเริ่มชักชวนขอแม่สื่อให้ช่วยดูคู่ให้บุตรสาวของตน ส่วนอาฟู่(พ่อ) ก็เริ่มไหว้วานคนในเผ่าเซียนเป่ยให้ช่วยหาคู่ที่เหมาะให้กับนางด้วยเช่นกัน หรือจะเอ่ยอีกอย่าง ฮัวมู่หลานถูกบังคับแต่งงานแล้ว
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 1 มู่หลาน มู่หลัน
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A