บทที่ 10 เปลี่ยนเครื่อง   1/    
已经是第一章了
บทที่ 10 เปลี่ยนเครื่อง
บ๗ที่ 10 เปลี่ยนเครื่อง เส้นผมคล้ายสาหร่ายแผ่กระจายไปบนเตียง ดวงตาที่เคยสดใสราวสายธารในฤดูใบไม้ผลิได้หม่นแสงลงไปแล้ว ริมฝีปากของเธอปิดลง ซ่งหมิงเยี่ยปล่อยมือของเธอออกโดยไม่รู้ตัว เย็นชาเกินไปแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอกับความเย็นชาขนาดนี้ของเสิ่นฉ่ายเวย ผู้หญิงที่อยู่ในความทรงจำของเขาคนนี้เป็นผู้หญิงเพอร์เฟคตรงตามที่ทุกคนต้องการ ไม่อุ่นไม่ร้อน ราวกับแสงแดดอันอบอุ่นที่แผ่ไปทุกหนแห่งในฤดูใบไม้ผลิ ทว่าตอนนี้กลับเหมือนฤดูหนาวเดือนเก้าก็ไม่ปาน ในตอนที่ดวงตาจ้องมองลึกเข้ามามันไร้ซึ่งความรักแล้ว “ฉันต้องการให้เธอยกโทษให้? อย่าเพ้อเจ้อไปหน่อยเลย”เขาหัวเราะในลำคอด้วยความโกรธ ทิ้งประโยคสุดท้ายเอาไว้แล้วจากไปจากตรงนี้ เมื่อเขาพูดเปิดประเด็นขึ้นมา เสิ่นฉ่ายหมุยก็เริ่มกลัวจนไม่สนใจอะไร แม้จะอยู่กับคนทั่วไปเธอก็ไร้ประสิทธิภาพ พริบตาก็ทำให้เธอไม่พอใจ ก็ไม่รู้ว่าเสิ่นฉ่ายเวยท้ายสุดแล้วใช้วิธีอะไร ทุกครั้งที่เธออยากจะต่อต้าน ซ่งหมิงเยี่ยจะต้องมาเจอได้ทันเวลาพอดี ชายหนุ่มยึดโทรศัพท์ของเธอเก็บไว้ ให้เธอหมดหนทางที่จะติดต่อพ่อแม่และข่ายเจ๋ เสิ่นฉ่ายเวยหัวเราะเยาะตัวเอง ทำไมเธอถึงลืมไปว่าก่อนหน้านี้น้องสาวคนนี้ก็เคยแสดงออกอุบายแบบนี้มาก่อนไปซะได้ล่ะ? เสิ่นส่ายหมุยทำแจกันดอกไม้ที่พ่อชอบที่สุดแตก ก็เหมือนกับตอนนี้ที่แต่งงานเข้ามาความหายนะให้กับตนเอง ถ้าหากไม่มองในส่วนที่เธอเป็นโรคหัวใจแล้ว อีกนิดเดียวเธอก็คงถูกตีจนตายในห้องหนังสือนั่นแหละ เธอยืนอยู่ในเงามืด ก่อนจะได้ยินเสียงคนด้านนอกที่พรวดพราดพูดขึ้นมา “ผ่านไปไม่กี่วันคุณพ่อคุณแม่ของคุณหญิงฉ่ายหมุยก็จะมา ทุกๆคนเตรียมตัวไว้ให้ดี อย่าให้เมื่อถึงเวลาแล้วถูกคนอื่นว่าบ้านซ่งของเราดีไม่พอ” คุณพ่อคุณแม่ของบ้านตระกูลเสิ่นตั้งใจหวังจะมาดูลูกสาวทั้งสองของตนเอง ข่าวนี้ทำให้ความหวังของเสิ่นฉ่ายเวยลุกโชนขึ้น เพียงแค่รอพ่อและแม่มา ตัวเองก็จะสามารถแยกออกไปจาที่นี่ได้ หลุดพ้นไปจากสถานที่ที่ทำให้คนเป็นบ้านี่ได้สักที! จนเมื่อถึงวันนั้น ในเช้าตรู่ที่ยังไม่มีแสง เสิ่นฉ่ายเวยก็นอนไม่หลับแล้ว เธอยืนที่หน้าต่าง คาดหวังไว้มากขนาดไหนที่จะได้เจอพ่อแม่ของตนเองทันทีที่ลุกมา ในเก้าโมงกว่าของช่วงเช้า รถยนต์ประจำบ้านคันหนึ่งก็ค่อยๆขับเข้ามา คนสองคนเดินลงมาจากด้านบน สวมใส่เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายราคาแพง แค่มองก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ครอบครัวธรรมดาๆ “พ่อคะ!แม่คะ!”เสิ่นฉ่ายหมุยรีบไปต้อนรับทันที เธอดึงมือของพ่อแม่เอาไว้ พูดยิ้มครางขึ้น “หนูคิดถึงพ่อแม่มากๆเลย” “ฉ่ายหมุยคุณดูเจ้าลูกคนนี้สิ กลับมาแล้วก็รีบมาเยี่ยมเยียนดูแลพี่ของเธออย่างดี ในใจของลูกยังมีพ่อแม่คนนี้อยู่ไหมเนี่ย?”คุณแม่เสิ่นเอ่ยบ่นขึ้นอย่างทีเล่นทีจริง เสิ่นฉ่ายหมุยแลบลิ้นปลิ้นตา “หนูก็คิดถึงพี่แล้วนี่นา!” “ดูท่าทางพวกเธอสองพี่น้องคงจะรักดีนะ ก็ต้องคิดถึงคนแก่สองคนนี้ด้วยสิ พี่สาวของลูกไม่โทรหาแม่มาครึ่งเดือนแล้ว ลูกก็ยังจะทำตามอีก” ทั้งสองทักทายกันไปครู่หนึ่ง คุณแม่เสิ่นก็นึกได้ว่ายังไม่เจอลูกสาวอีกคนจึงเอ่ยถามขึ้น “เวยเวยล่ะ? ทำไมยังไม่เจอเลย?” “พี่เขา….....” “แม่คะ”เสิ่นฉ่ายเวยเดินออกมาจากด้านใน ผ่านช่วงเวลาอันแสนจะทรมานมาแล้ว ก็ถือว่าเวลานี้เธอพยายามปั้นหน้าให้อย่างดีที่สุดแล้วก็ยังยากที่จะปิดบังใบหน้าอันเหนื่อยล้าและซีดเซียวอยู่ดี “ไอหยา ลูกเป็นอะไรเนี่ย? ทำไมหน้าตารูปร่างเป็นแบบนี้?”ครั้นเมื่อได้ยินคำพูดเอาใจใส่ของแม่แล้ว หญิงสาวก็หยิกลงไปที่ขาของตนแล้วเตือนสติตัวเองว่าอย่าให้น้ำตาไหลลงตรงนี้ “พวกเรา เราเข้าไปคุยกันเถอะค่ะ”คุณแม่เสิ่นเดินเข้าไปกันเธอ แต่ในมือก็ยังไม่ได้ปล่อยเสิ่นฉ่ายหมุย เธอหันหลังกลับมาเอ่ยอธิบายด้วยความเย็นชา “แม่ สิ่งที่หนูจะพูดหนูอยากจะพูดกับแม่แค่คนเดียว แม่ให้ฉ่ายหมุยออกไปเถอะค่ะ” “พี่ พี่นี่มันไม่ใจร้ายไปหน่อยหรอ มีคำไหนที่ฉันไม่สามารถฟังได้กัน?” “เจ้าลูกคนนี้สมัยเด็กยังดีๆกับน้องอยู่เลย ทำไมตอนนี้ถึงทำอย่างกับคนแปลกหน้าไปซะล่ะ?”ในขณะที่เสิ่นฉ่ายเวยพยายามครั้งแล้วครั้งเล่า เสิ่นฉ่ายเวยก็ปล่อยมือของแม่พอดี กลับไปกระทืบเท้าด้วยความโกรธเคืองแล้วเดินออกไป “ลูกพูดเถอะ ทำไมจะต้องลำบากใหญ่โตขนาดนี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ? ”คุณแม่เสิ่นถาม เมื่อมองดูใบหน้าของมารดารวมถึงคำพูดใส่ใจเวลาสิบปีก็ผ่านไปราวกับแค่วันเดียว เธอรู้สึกว่าจมูกของตนเองเริ่มแสบตื้นตันจะร้องไห้ หยดน้ำตาสองสายก็หมดเผาะไหลรินไปบนดวงแก้ม เริ่มตั้งแต่เธอแต่งงานกับซ่งหมิงเยี่ยก็ได้รับแต่ความอึดอัดตันใจ เวลานี้ถูกปลดปล่อยระบายออกมาเต็มที่แล้ว เธอเสียใจ เธอเกลียด หญิงวัยใหญ่รีบช่วยเช็ดน้ำตา เอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วงเป็นใย “ลูกร้องไห้อะไรเนี่ย? แม่อยู่นี่มีเรื่องอะไรหรอ? แม่จะทำแทนให้ลูก”เธอเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “แม่คะ หนูอยากหย่าค่ะ” 
已经是最新一章了
加载中