ตอนที่687 เขาคอบดูแลเธออยู่ตลอด   1/    
已经是第一章了
ตอนที่687 เขาคอบดูแลเธออยู่ตลอด
ตอนที่687 เขาคอบดูแลเธออยู่ตลอด “ใช่ใช่ ฉันไม่ร้องแล้ว ไม่ร้องแล้ว…” มันไม่ง่ายเลยที่ดุลยาจะหยุดน้ำตาเอาไว้ “ภาภา ความจำลูกไม่ได้หายไปไหนใช่ไหม” ชีวภาอมยิ้มขึ้น “เปล่าค่ะ หนูจำได้หมด วางใจเถอะค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นก็ดี อย่างนั้นก็ดี มันผ่านไปแล้ว เรื่องทั้งหมดจบลงแล้ว…” ไวศทย์มองดูพี่สาวซึ่งอยู่บนเตียง เขาทั้งปวดใจและไม่กล้าแสดงออก กลัวอารมณ์ของตนเองจะส่งผลกระทบกับเธอ “แม่ ผมกับแม่อยู่ที่นี่เป็นเพื่อนพี่ ถ้าพี่ไม่สบายตรงไหนต้องบอกพวกเรานะ” ชีวภามองไปที่เด็กชายทางด้านข้าง “ไว พี่อยู่ในโคม่านานแค่ไหนแล้ว” “สามเดือนแล้วครับ” สามเดือน จะว่านานก็ไม่นาน จะว่าสั้นก็ไม่สั้น ผ่านไปหนึ่งฤดูกาลพอดี เธอคิดถึงว่าได้ปิดตา เป็นเวลาผ่านมาเกือบร้อยหนึ่งร้อยวันแล้ว เมื่อมองดูลักษณะท่าทางของไวศทย์ เขารู้สึกว่าตัวเองมีน้องชายที่ดูภูมิฐาน ดูโตขึ้นในระยะเวลาไม่นาน แม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะไม่ได้เปลี่ยนแปลง เสียงก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่ความหุนหันพลันแล่นได้หายไป ดูนิ่งขึ้น ชีวภาทั้งรู้สึกยินดีและปวดใจ เธอคิดถึงตอนที่เธอไม่สบายแล้วเขาต้องดูแลแม่ แค่คิดว่าการเจ็บป่วยของเธอได้ทำร้ายเขา และบังคับให้เขาต้องเติบโต “ไว ลำบากเธอแล้ว” เมื่อพูดแล้ว ไวศทย์ก็แกล้งทำเป็นโกรธขึ้นมา “พี่ไม่ใช่พี่สาวของผมหรอ ครอบครัวเดียวกันจะมาลำบากไม่ลำบากอะไร” ดุลยาไม่อยากให้ใจชีวภาต้องแบบรับภาระหนักอะไร เธอที่อยู่ทางด้านข้างจึงช่วยพูด “นั่นเป็นเพราะว่าพี่เขาเกรงใจ ทำอย่างกับไม่ใช่น้องชายเธอน่ะ” ชีวภารู้ว่าพวกเขาต้องดูแลเธอมาอย่างยากลำบาก เธอยิ้มและไม่พูดอะไรต่อไป ดุลยาลังเลที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมา “ความจริงแล้วตอนที่แกไม่สบาย ชนุดมก็ออกแรงช่วยเหลือไว้เยอะเหมือนกัน แม่ น้องชายของแก และเขา ต่างก็ไม่ได้ดูแลน้อยไปกว่ากันเลย โรงพยาบาลทางนี้ก็เป็นเขาที่ช่วยติดต่อให้” ทันทีที่พูดจบไวศทย์ก็ยกมือขึ้นจับแขนของเธอ “แม่ พี่เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาอย่าพูดเรื่องพวกนี้เลย” การแสดงออกของดุลยานั้นค่อนข้างน่าอาย เธอพยักหน้าอย่างเงียบๆ “ได้ได้ แม่ไม่พูดแล้ว” ชีวภามองไปที่คนทั้งสองที่ซึ่งพยายามหลีกเลี่ยง เหมือนมีอะไรไม่กล้าพูด เธอรู้ว่าเป็นเพราะเป็นห่วงเธอ แต่เธอก็รู้สึกทนไม่ได้ แต่เมื่อคิดถึงชายคนนั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเคยโกรธครั้งหนึ่งหรือว่าเพราะอย่างอื่น ใจเธอก็รู้สึกไม่อยากเผชิญหน้าเขา ราวกับว่าความกระตือรือร้นทั้งหมดถูกใช้ไปในการถูกลักพาตัวโดยไม่ตั้งใจแล้ว ที่เหลือเมื่อกลับไปนึกถึงก็จะทำให้ตัวเธอเย็นชืดขึ้นมา “แม่ หนูรู้ รอให้หนูดีขึ้นก่อน หนูจะไปขอบคุณเขา” ดุลยามองอย่างเย็นชา แต่ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ไม่ได้พูดอะไร เรื่องของอารมณ์ความรู้สึกคนนอกไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ ในวันเดียวกันนั้น ชนุดมไม่ได้กลับไปที่ห้องผู้ป่วยอีก ไม่ใช่เขาไม่อยากพบเธอ แต่กลัวว่าการปรากฎตัวของเขาจะเป็นการกระตุ้นอารมณ์เธออีกครั้ง เขานั่งอยู่ในห้องผู้ป่วยห้องถัดไป รอแล้วรออีก ไม่รู้สูบบุหรี่ไปมากเท่าใด ในที่สุดก็รอจนถึงกลางดึก เมื่อมองออกไปที่หน้าต่างเห็นท้องฟ้าที่มืดมิด เขาเงยหน้าขึ้นมองดูเวลา มันเป็นเวลาสี่ทุ่มครึ่งแล้ว เขาต้องการขยับเขยื้อนร่างกายที่นั่งมาเป็นเวลานาน การไหลเวียนของเลือดไม่ราบรื่น ขาเป็นตะคริวอย่างรุนแรง เกือบจะล้มลงไป โชคดีที่มีเก้าอี้อยู่ด้านข้าง ช่วยทำให้เขาทรงตัวได้ เมื่อผ่อนคลายสักครู่ ชายคนนั้นก็ก้าวออกจากห้องผู้ป่วย เขายืนอยู่ในโถงทางเดิน กลิ่นควันบนร่างกายถูกกำจัดออกไปก่อนที่จะผลักประตูเข้าไป ห้องคนไข้ถูกปิดไฟแล้ว มีเพียงไฟหลอดเล็กเท่านั้นที่สว่างอยู่ที่ปลายเตียง คนบนเตียงนอนหลับอยู่ ดุลยานั่งสัปหงกอยู่บนเก้าอี้ถัดไปทางด้านข้าง เมื่อเธอเห็นเขาเข้ามาก็ยกเปลือกตาขึ้นอย่างเหนื่อยล้า และพูดเบาๆ “ชนุดมมาแล้ว” “คุณป้า ผมมายามวิกาล คุณป้าไปนอนที่ห้องข้างๆเถอะครับ” ดุลยาหันไปมองเห็นชีวภาหลับไปแล้ว เธอก็พยักหน้า “ได้ คุณก็อย่าไม่หลับไม่นอน อย่างน้อยก็ต้องงีบสักครู่” “อื้อ” หลังจากไม่กี่คำดุลยาก็ออกจากห้องพักไป เหลือเพียงคนทั้งสองในแสงสลัว ชนุดมนั่งลงบนตำแหน่งเดิมของดุลยา เขายกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จับได้ว่าในการแสร้งทำอันไม่เนียนของเธอ “ผมรู้ว่าคุณตื่นแล้ว” เทคนิคของเธอสามารถหลอกดุลยาได้ แต่ไม่สามารถหลอกเขาได้ ชีวภาคิดว่าเธอทำเนียนมากแล้ว แต่ก็ไม่วายถูกจับได้ เธอลืมตาขึ้นอย่างเขินอาย สายตาเธอมองไปที่เพดาน ไม่ต้องการที่จะเห็นผู้คนที่อยู่ทางด้านข้าง ชนุดมในทางตรงกันข้าม สายตาทั้งคู่ของเขาเกาะหนึบติดเธอ จ้องอยากตั้งอกตั้งใจ หลอกยังไงก็หลอกไม่ได้ ทั้งสองไม่ได้เปิดปากพูดอะไร บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความอึดอัด ชนุดมกลัวว่าเธอจะอึดอัด จึงเอ่ยปากพูดกับเธอ “ร่างกายคุณเป็นอย่างไรบ้าง” เสียงดันคุ้นหูดังขึ้น ขนตาของชีวภาสั่นไหวเล็กน้อย “ก็ดีค่ะ” บทสนทนาสั้นๆจบลง มันเป็นอีกความเงียบกลับคืนมา บางสิ่งที่ในใจไม่สามารถก้าวข้ามผ่านไปได้ พูดออกมาก็รู้สึกน่าอาย ชายคนนั้นกำกำปั้นของเขา ไม่เคยคิดว่าการพูดประโยคหนึ่งจะต้องใช้พละกำลังมากเช่นนี้ ผ่านไปนานถึงจะถามออกมาได้ “คุณเกลียดผมใช่หรือไม่” คำถามนี้จะถามหรือว่าไม่ถาม ในใจชนุดมก็มีคำตอบอยู่แล้วในใจ ถ้าหากว่าเกลียด จะเป็นการดีกว่าว่าเรื่องราวเหล่านั้นเป็นแผลในใจเธอไม่สามารถรักษาให้หายได้ หลังจากผ่านหลายเรื่องราวทำให้เข้าใจมากขึ้น แต่ไม่ใช่เพราะเข้าใจถึงเปลี่ยนไปทำให้ดีขึ้น แผลนั้นใหญ่มาก ยิ่งนานก็ยิ่งเจ็บปวด พวกเขามีส่วนร่วมในบาดแผล ประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปก็ทิ่มแทงใจ มีความอึดอัดในร่างกายทุกครั้งที่คิดถึงมัน หลังจากที่ชีวภาได้ยินคำถามนี้ เธอไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร เธอมองผู้ชายตรงหน้าอย่างระมัดระวัง เขาดูหดหู่กว่าเมื่อก่อนไม่น้อย ดูผมเซียวลงกว่าเดิม มุมของกระดูแขนขาและขากรรไกรมองเห็นได้อย่างชัดเจน สีหน้าก็เคร่งขรึม เธอคิดถึงสิ่งที่แม่เธอพูดในวันนี้ เขามาดูแลเธอตลอดในทุกด้าน ตอนนี้เมื่อเห็นใบหน้าที่ผ่ายผอม เธอก็พอจะนึกภาพออก ผอมไปมาก คงจะทุกข์ใจน่าดู ชีวภามีรสขมขึ้นในใจ เธอละสายตากลับมา และมองไปที่ผ้าห่มสีขาวบนหน้าอกเขา ลำคอเธอแห้งผาดก่อนที่จะพูดออกมา “เปล่า” เขามาปรากฎตัวอยู่ต่อหน้า เธอจะพูดบ่นว่าอย่างไร นอกจากนั้นทุกอย่างก็คือทางเลือกของเธอเอง เธอไม่รู้สึกเสียใจอะไร แต่ว่าความรู้สึกที่มีต่อเขานั้นจริงจังยิ่งขึ้น มีแรงกดดันในใจ ไม่กล้าที่จะเผยออกมาให้เห็น เหมือนกับอาการบาดเจ็บจากความเครียด เธอกลัว ดังนั้นจึงต้องการหลบซ่อนมันไว้ ชนุดมยินดีที่จะฟังคำตำหนิจากเธอ เขาไม่ต้องการให้เธอนิ่งเฉยและพูดอย่างใจเย็นเช่นนี้ ออกซิเจนเหมือนถูกสูบออกไป ปอดเหมือนถูกกดด้วยก้อนหิน หายใจไม่ออก เหมือนคนที่พบแหล่งน้ำสุดท้ายในทะเลทราย เขาหมดหวังที่จะได้ยินจากปากของเธอว่ายังชอบเขาอยู่ เมื่อถึงวันนี้ เขาไม่กล้าบังคับ และไม่อยากที่จะบังคับ “ให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นก่อนแล้วค่อยว่ากัน” เมื่อพูดจบ ริมฝีปากก็ขยับขึ้นสองครั้ง ดูเหมือนจะเป็นการตัดสินใจที่ยากมาก “ถ้าคุณไม่อยากเห็นผม ช่วงนี้ผมจะได้ไม่มา”
已经是最新一章了
加载中