บทที่ 13 ต้มตุ๋น
1/
บทที่ 13 ต้มตุ๋น
จากวันนี้ไป ฉันไม่ใช่คนต่ำต้อยนั้นอีก
(
)
已经是第一章了
บทที่ 13 ต้มตุ๋น
บ๗ที่ 13 ต้มตุ๋น “ภรรยา ฉันมีหลักฐาน เมื่อสักครู่หลังจากที่แม่บ้านชั่วร้ายนั่นใส่ยาพิษลงไป ถุงผงยายังอยู่ในกระเป๋าของเธอ อีกทั้งเธอยังถ่ายรูปส่งไปผู้ชายคนหนึ่ง” จางเรยนึกถึงหลักฐาน แล้วพูดอย่างไม่อ้อมค้อม สีหน้าของแม่บ้านเคร่งขรึมขึ้นมาทันที มือทั้งสองข้างอดไม่ได้ที่จะกุมกระเป๋าของตัวเอง เดิมทีฉิงหวันหยูไม่เชื่อจางเรย แต่เมื่อเห็นว่าน้ำเสียงที่เขาพูดออกมาค่อนข้างจริงจัง อีกทั้งไม่เหมือนการเสแสร้ง สายตาที่สงสัยก็ค่อยๆมองไปที่แม่บ้าน “น้าหวัน จางเรยบอกว่าในกระเป๋าคุณมีถุงผงยา ถ้าอย่างนั้นคุณก็กลับด้านกระเป๋าออกมาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของคุณเองเถอะ” “คุณหนูฉิง ฉัน.....” เวลานี้แม่บ้านก้มหน้าไม่กล้ามองฉิงหวันหยู ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่กล้าแม้แต่จะฟังว่าฉิงหวันหยูบอกให้กลับด้านกระเป๋าออกมา จางเรยมองเธอแล้วหัวเราะเย้ยหยัน ในใจพูดว่า “หึ แม่บ้านที่อำมหิตชั่วร้าย คุณแสดงให้ฉันดูต่อหน่อยเถอะ ทำไมไม่แสดงล่ะ?” “แว๊บ” ไม่นาน แม่บ้านก็หยุดเสแสร้งกับพวกเขา สายตาของเธอมองไปที่ประตูใหญ่ แล้ววิ่งออกไป “ภรรยา เธอจะหนี ฉันจะช่วยคุณจับเธอกลับมา” จางเรยตาเร็วมือไว เขาดึงผ้าเช็ดตัวของฉิงหวันหยูกลับมา ร่างกายวิ่งออกไปเหมือนลูกศรหลุดจากสาย แต่ทันทีที่เขาเดินไป เขาก็ได้ยินเสียงดังร้องออกมา “เอ่อ” เขาหวนคิดถึงว่า เมื่อสักครู่ตอนที่ตัวเองก้าวออกไป ดูเหมือนว่าไม่ทันระวัง ทำให้ดึงผ้าขนหนูที่อยู่บนตัวของฉิงหวันหยู ถ้าอย่างนั้นคงจะไม่....... “ภรรยา” จางเรยหยุดและหันกลับมาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นสมองของเขาก็ว่างเปล่า ดวงตาของเขาตะลึงงันอยู่ที่เดิม เขาเห็นร่างกายอันขาวสะอาดที่เปลือยเปล่าของฉิงหวันหยูล้มลงไปบนโซฟาอย่างช้าๆ ผ้าเช็ดตัวที่อยู่บนร่างกายนั้นก็ลอยไปอยู่ที่พื้น ในตอนนี้ ร่างกายที่เปลือยกายของฉิงหวันหยูนอนอยู่บนโซฟานั้นเต็มไปด้วยสีสันราวกับภาพวาด “จางเรย คุณยังมองอีก ยังไม่รีบหันหลังไป” “โอ้…..โอ้.....” ปฏิกิริยาตอบรับจางเรย รีบหันหลังกลับไปทันที เวลาเดียวกันก็มองเห็นว่าแม่บ้านได้วิ่งหนีออกไปจากบ้าน เขาไม่รอช้ารีบวิ่งตามออกไป ใบหน้าของฉิงหวันหยูแดงก่ำไปทั้งหน้า เมื่อจางเรยหันกลับมา เธอก็หยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว แล้วนำกลับไปที่ร่างกายของเธอ ผ่านไปไม่กี่นาที จางเรยก็กลับมาด้วยความรู้สึกหดหู่ “เป็นอย่างไรบ้าง ไล่ตามทันไหม?”ฉิงหวันหยูถามอย่างร้อนใจ “ภรรยา ขอโทษด้วย ฉันไล่ตามช้าไปแค่ก้าวเดียว เธอหนีไปแล้ว”จางเรยก้มหน้าพูดด้วยความรู้สึกอับอาย “เฮ่ย จริงสิ คุณทำเรื่องไม่ดีไว้ ถ้าเมื่อกี้คุณมองฉันให้น้อยกว่านี้..... คง คงจะไล่ตามทันแล้ว”ฉิงหวันหยูกล่าวตำหนิ จางเรยไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ผู้ชายที่ได้เห็นฉากนั้น แม้แต่ขันทีในสมัยก่อน ก็ต้องมองสักสองวินาที ที่จะมองคุณ แต่เมื่อพูดออกมาอย่างนี้แล้ว วันนี้คุณไปก่อเรื่องกับใครมาเหรอ? เห็นได้อย่างชัดเจนมาแม่บ้านนั่นรับคำสั่งจากคนอื่น” “ผีรู้ว่าเป็นใคร ยังดีที่ยังไม่ได้ดื่มกาแฟแก้วนั้น และวันนี้โชคดีที่มีคุณ ขอบคุณ” ทันใดนั้น น้ำเสียงของฉิงหวันหยูก็อ่อนโยน จนทำให้จางเรยที่ฟังอยู่อบอุ่นหัวใจ เขากำลังเตรียมที่จะแสดงความถ่อมตัว แต่ในขณะนี้ เสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าก็ดังขึ้นมา “จางเรย ทำไมคุณถึงยังมาไม่ถึง เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ?” ตายจริง แย่แล้ว ลืมเรื่องที่หลิวเฮ่าจะเลี้ยงอาหารไปแล้ว “หลิวเฮ่า ขอโทษจริงๆ วันนี้คงไม่ได้ทานอาหารแล้ว ให้ฉันเลี้ยงคุณตอนเย็นแล้วกัน อีกเดี๋ยวพวกเราเจอกันที่มหาวิทยาลัย” หลังวางสาย จางเรยบอกลาฉิงหวันหยูทันที แล้วรีบบึ่งไปที่มหาวิทยาลัย ฉิงหวันหยูอยู่ที่คฤหาสน์ตามลำพัง เธอมองดูแก้วกาแฟที่ตกลงไปบนพื้น แล้วคิดถึงมันทั้งหมด เข้าเรียนตอนบ่าย จางเรยยังคงมีอาการจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ในหัวคิดถึงแต่รูปร่างของฉิงหวันหยูหลังจากที่ผ้าเช็ดตัวลอยออกไป ร่างกายของเธอมันช่างน่าจินตนาการจนไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ “ไม่ได้ ฉันยังต้องจับฉลาก” ทันใดนั้น จางเรยก็คิดว่าระบบบุญคุณขึ้นมา เหตุผลที่ฉันได้สัมผัสสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดนั้น มาจากคุณงามความดีของระบบบุญคุณ “เฮ้ งั้นระบบบุญคุณอะไร คุณให้ฉันออกไป”จางเรยตะโกนเสียงเบาๆขึ้นไปในอากาศ “ยินดีต้อนรับการกลับเข้ามาระบบบุญคุณ” ไม่ถึง 2 นาที เสียงหญิงกลก็ดังออกมา “ฉันอยากจับฉลาก” “ขอโทษ ค่าบุญคุณของคุณไม่เพียงพอ ไม่สามารถจับฉลากได้ กรุณาไปรับค่าบุญคุณก่อน” “อะไรนะ? ไม่สามารถจับฉลากได้อย่างนั้นเหรอ?” จางเรยรู้สึกสงสัยและไม่สบายใจ ข้อกำหนดของระบบโกงเกมค่อนข้างมากเกินไป แต่เมื่อคิดอย่างละเอียดอีกครั้ง ดูเหมือนว่าฉันเองก็เคยได้ยินจริงๆว่ามีการพูดคุยเกี่ยวกับค่าบุญคุณที่ฝากไว้นั้นได้เข้าบัญชี และยังมีค่าบุญคุณเพิ่มอะไรสักอย่าง ซึ่งดูเหมือนว่าระบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะควบคุม “ถ้าอย่างนั้นฉันควรจะไปรับอย่างไร?”จางเรยถามด้วยความแปลกใจ “ท่านสามารถได้รับค่าบุญคุณจากจำนวนเงินที่แตกต่างกันโดยการช่วยเหลือผู้อื่น ค่าบุญคุณเต็ม 250 ท่านก็จะสามารถได้รับโอกาสการจับฉลากหนึ่งครั้ง” “250 อีกแล้วเหรอ?” จางเรยขมวดคิ้ว นี่มันระบบบ้าอะไรกัน มันจะดีกว่าถ้าจะเปลี่ยนชื่อเป็นระบบ 250 ไปเลย แต่ยังดีที่เขาได้รู้อะไรบ้าง กาได้รับระบบค่าบุญคุณ สามารถทำได้ผ่านการช่วยเหลือคนอื่น เพียงแต่ เรื่องการช่วยเหลือคนอื่นนั้น ควรจะเริ่มจากตรงไหนดี? หลังเลิกเรียน เขาเดินกลับบ้านพลางคิดถึงเรื่องนี้ไปด้วย ขณะที่เดินมาได้ครึ่งทาง ทันใดนั้นก็พบว่าข้างหน้ามีคนกลุ่มใหญ่กำลังโอมล้อมเข้าด้วยกัน ผู้คนจำนวนมากในฝูงชนกำลังชี้เข้าไปด้านใน แล้ววิพากษ์วิจารณ์กันอย่างต่อเนื่อง จางเรยเดินผ่านด้วยความแปลกใจ เขามองเข้าไปในกลุ่มคน นึกไม่ถึงว่าจะเห็นเงาของคนที่คุ้นเคย “เสาปิงยู่เหรอ? ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?” “ด้านในมีเด็กผู้หญิงและผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ ถึงแม้ว่าเด็กผู้หญิงนั้นจะก้มหน้า แต่จางเรยก็มองออกว่าเป็นเธอ เธอคือเสาปิงยู่แสนสวยของห้องเรียนอื่น” เมื่อพูดถึงสาวสวยของชั้นเรียน ในความเป็นจริงรูปร่างและความงามของเธอเปรียบได้กับดอกไม้ในโรงเรียน ชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเธอ แล้วชี้ไปที่ใบหน้าของเธอ ดูเหมือนกำลังประณามราวกับว่าเธอทำอะไรผิด จางเรยเดินเบียดแทรกเข้าไป เขาหยุดตรงหน้าของเสาปิงยู่แล้วถาม “เป็นอะไร?เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ?” เสาปิงยู่เงยหน้าขึ้นมา ที่แท้ก็เป็นจางเรย ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ห้องเรียนเดียวกัน แต่เสาปิงยู่นั้นชื่นชมจางเรยตลอดเวลา ผู้ชายที่ทั้งหล่อและเรียนเก่งนั้นไม่ได้มีมากในมหาลัยวิทยาลัย “ความจริงไม่มีอะไร คือว่าตอนที่ฉันเพิ่งจะขี่รถมา แต่ขี่รถโดยไม่ทันระวัง ก็ดันไปเฉียวเข้ากับรถของเขา” “อย่างนี้นี่เอง” “ฉันไม่เป็นไร คุณไปเถอะ ไม่ต้องห่วงฉัน”เสาปิงยู่เห็นว่าเจ้าของรถที่ตัวเองไปเฉียวชนนั้นไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ เกรงว่าจางเรยจะเดือดร้อน จึงพูดไปเช่นนั้น แต่ในเวลานี้ เจ้าของรถที่โดนเฉียวก็พูดออกมา “สาวน้อย อย่าชักช้า รีบหน่อยสิ โทรหาที่บ้านคุณ ให้พวกเขาเอาเงินมาให้คุณ อีกเดี๋ยวฉันต้องไปธุระ ฉันไม่มีเวลาที่อยู่ที่นีกับคุณ” “พี่ชาย คุณวางใจได้ ฉันจะโทรศัพท์ ให้เงินคุณไม่ขาดแม้แต่นิดเดียว ” เมื่อเสาปิงยู่เห็นว่าจางเรยอยู่ที่นี่ ก็ดูเหมือนว่ามีบางสิ่งที่ไม่ต้องการพูด จึงรีบตกปากตอบรับเจ้าของรถ และหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาพ่อ เพื่อจงใจหลีกเลี่ยงจางเรย โทรศัพท์ “ฮัลโหล พ่อ วันนี้ฉันไม่ทันระวังตัว ทำให้ไปชนรถในบริเวณมหาวิทยาลัย ต้องจ่ายเงินชดใช้หนึ่งหมื่นหยวน” “อะไรนะ หนึ่งหมื่นหยวนเหรอ?” เมื่อจางเรยได้ยินเสาปิงยู่คุยโทรศัพท์กับพ่อ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที สายตาของเขาเหลือบมองไปที่เจ้าของรถ แล้วมองไปยังรถที่เกิดอุบัติเหตุ มันไม่ใช่รถหรูหราอะไร แต่เป็นแค่รถธรรมดาที่มีราคาไม่กี่หยวน จุดที่ถูกเฉียวชน เขากล้าที่เรียกตั้งหนึ่งหมื่นบาทเหรอ?” เห็นได้ชัดว่ามันคือการต้มตุ๋น
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 13 ต้มตุ๋น
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A