ตอนที่742ฉันยอมอดทนก็เพราะเธอ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่742ฉันยอมอดทนก็เพราะเธอ
ตอนที่742ฉันยอมอดทนก็เพราะเธอ เขาไม่เคยมีสักครั้งที่จะไม่เขื่อใจเธอคนที่เขาไม่เคยเชื่อเลยก็คือปู่ สิ่งที่ปู่ทำก่อนหน้านี้ทุกเรื่องมันยังฝังลึกสะท้อนอยู่ในดวงตาทุกเรื่องที่นึกถึงเขามั่นใจได้ว่าหล่อนรับมือไม่ไหวแน่ๆ ชนัยไม่อยากให้หล่อนได้สัมผัสถึงความทุกข์ทรมานดั่งพ่อแม่ของเขาที่เคยประสบมาก่อนขนาดเขาเองที่เป็นลูกยังได้รับความกดดันจากสิ่งเหล่านี้ตั้งขนาดนี้หากเป็นคนที่โดนเรื่องนี้เองล่ะจะเป็นยังไง ดราณีเห็นเขาไม่ยอมพูดยอมจาใจหล่อนเต้นโครมครามแผ่ซ่านความร้อนในใจค่อยๆแปรเปลี่ยนเย็นขึ้นมาทีละนิดไม่ใช่ว่าไม่ห่วงไม่ใช่ว่าไม่กังวลแต่สิ่งที่หล่อนอยากพิสูจน์ตัวเองให้ชนัยตระหนักถึงว่าการตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวของหล่อนในสถานการณ์ที่ถูกปู่ของเขาบีบบังคับอยู่นั้นมันสำคัญขนาดไหน หล่อนแค่สงวนท่าทางอย่าทำอะไรกระโตกกระตากเพื่อที่จะทำให้เขาเชื่อมั่นแต่ไม่คิดเลยว่ากลับเป็นชนัยเองที่ท้อแท้หนักกว่าเดิม ดราณีนำอุปกรณ์ทานข้าววางลงไม่มีอารมณ์จะกินต่อแล้ว“ชนัยคุณคิดที่จะเลิกสานสัมพันธ์แล้วใช่ไหม?” หล่อนไม่รอคำตอบของเขาพลันพูดต่ออย่างรีบร้อน“ฉันไม่กลัวเลยแล้วคุณจะกลัวอะไรอ่ะ?” ตาแก่นั่นพูดดูถูกแล้วยังถากถางเธออีกหล่อนไม่ได้สนใจอะไรเลยสิ่งที่หล่อนสนใจคือสภาพอารมณ์ของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้ต่างหาก แค่คำพูดติดลบของเขามันทำให้เธอหมดกำลังใจเหนื่อสิ่งอื่นใด ดราณีก็เหมือนลูกบอลกลมๆที่ผิวของมันถูกเข็มทิ่มแทงนานวันเข้าก็ค่อยๆฟูบลงเรื่อยๆ หล่อนยืนขึ้นสภาพอารมณ์ดูวุ่นวายสับสน“งั้นฉันขอกลับก่อนรอจนถึงเวลาที่คุณคิดได้แล้ว.....” หล่อนยังพูดไม่เสร็จเขาก็ดึงมือหล่อนพร้อมทั้งตัวที่เซกลับมาที่เดิม“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นเธออย่ารีบคิดไปเอง” เขาไม่พูดอะไรเลยสักคำยังดีกว่าตอนนี้แค่ประโยคเดียวที่เอ่ยออกมาก็ทำให้ความน้อยอกน้อยใจที่มีอยู่เดิมแล้วทนไม่ไหวดวงตาแดงแปร๊ด“แล้วคุณหมายความว่ายังไง?” “ฉันแค่กลัวว่าปู่จะเล่นงานเธอและก็กลัวว่ามันจะส่งส่งผลกระทบกับเธอ” ดราณีอ้าปากพยายามที่จะพูดอะไรออกมาแต่ก็ถูกเขาพูดแทรกก่อน “ฉันรู้ว่าเธออยากพูดอะไรคุณอย่ากลัวใช่ไหมใช่ก็ได้อยู่แต่ฉันกลัวฉันไม่อยากให้เธอเผชิญหน้ากับเรื่องราวที่โหดร้ายป่าเถื่อนพวกนั้นแค่เห็นเธอนั่งเผชิญหน้ากับเขาในใจฉันมันก็กังวลแล้วแม้ตอนนี้เองก็ยังกังวลอยุ่”ชนัยขมวดคิ้วนิ่วหน้าสีหน้าเครียดแบบที่ไม่เคยเครียดแบบนี้มาก่อน“เธอไม่เข้าใจเขาแต่ฉันรู้จักเขาเป็นอย่างดีอากัปกิริยาตัวตนของเขาฉันรู้ดีอย่างถ่องแท้ทีเดียว” ก็เพราะว่ารู้แจ้งอย่างชัดเจนนี่แหละถึงทำให้เขารู้สึกไม่สงบเสียเลย หลังจากฟังที่เขาอธิบายมาใจอันเจ็บปวดของดราณีค่อยๆนิ่งขึ้นมาบ้าง“คือจะเลิกกับฉันใช่ไหม?แค่เพราะว่ากลัวหรอ?” แค่ได้ยินคำว่า‘เลิกกัน’สองคำนี้ที่หลุดออกมาจากปากเธอสีหน้าของชนัยยิ่งดูไม่ได้หนักกว่าเดิมเขายืนขึ้นดึงร่างน้อยๆเข้าสู่อ้อมอกอารมณ์ขึ้นๆลงๆไม่แน่นอน“ไม่เธอต้องอยู่ข้างๆฉัน” หลังจากฟังที่เขาพูดดราณีค่อยสบายใจขึ้นมานิดหล่อนเอามือพาดไว้ที่ด้านหลังและลูบไปทั่วเพื่อพยายามปลอบโยนให้เขาอารมณ์ผ่อนคลายลง“ฉันรู้ว่าคุณอ่ะคิดแล้วคิดอีกแต่ตอนนี้เราอยู่ด้วยกันแล้วมันดีที่สุดถูกไหมคะ?ฉันก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลอะไรคุณก็ด้วยเราคือเราเรื่องทุกเรื่องมันไม่เดิมขอแค่ใจเราไม่เปลี่ยนแปลงไม่มีสิ่งใดที่จะมาแยกพวกเราได้ค่ะ” เขากอดรัดเธอจนมือหล่อนเกร็งขึ้นมาหลังจากได้ยินสิ่งที่เธอพูด “ตกลง”น้ำสียงเขาสั่นเครือหน่อยๆดูออกเลยว่าเขาคุมอารมณ์ไม่อยู่“ทุกอย่างมันจะดีขึ้น” เขาจะหาวิถีทางในการทำให้ปู่หลีกทางขอแค่ได้อยู่กับดราณีเขาสามารถเอาอนาคตตัวเองทั้งหมดที่มีมาแลก ก็แค่จากวันนี้เป็นต้นไปปู่บอกอะไรหรือให้เขาทำอะไรเขาก็จะทำขอแค่มีหล่อนอยู่ข้างกายชีวิตนี้ถึงได้รู้สึกถึงความอบอุ่นเหมือนมีแสงสว่างนำทางบ้าง คืนนั้นดราณีพักที่วิลลาชนัยกอดประคองแม่สาวน้อยเขาสูดดมกลิ่นกายสาวน้อยใจถึงได้สงบนิ่งได้ผ่อนคลายง่ายมากขึ้นเยอะ ถึงแม้ว่าทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันแต่พวกเขาต่างก็รับรู้ได้กว่าจะหลับได้เวลาก็ปาไปค่อนคืนแล้ว เกิดเรื่องใครจะสงบได้ เช้าวันรุ่งขึ้นชนัยให้คนไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัยเธอมีเรียนขาดไม่ได้ ส่วนตัวเขาขับรถไปยังคฤหาสน์เก่าตอนเขาขับรถเข้าตัวบ้านขนาดพ่อบ้านยังตกอกตกใจแทบไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นเลย“นาย...นายน้อย?” ชนัยเลิกตาถามอย่างไรอารมณ์“ปู่ฉันล่ะ” “ท่านธิสกุลกำลังฝึกเขียนตัวอักษรอยู่ที่ในห้องหนังสือครับ” “ฝึกเขียนตัวอักษร?” ชนัยได้แต่ยิ้มฝืนๆเขาคิดถึงตอนที่เขาอายุแค่แปดขวบเวลาที่เขาเดินผ่านห้องหนังสือแบบไม่ตั้งใจเขามักจะเห็นปู่เขียนตัวอักษรอย่างหนักแน่นพลิ้วไสวสวยงามมากแต่กระดาษที่เขียนออกมาไม่ใช่กระดาษสีขาวตัวอีกษรสีดำที่เขานิยมเขียนกันแต่กลับเป็นกระดาษสีขาวตัวอักษรสีแดงแทน เขาใช้เสือดสดๆของคนอื่นมาเขียนตัวอักษรและจะส่งคืนให้กับครอบครัวของฝ่ายตรงข้ามดูวิธีการทรมานแบบนี้ชนัยจดจำมันได้อย่างขึ้นใจไม่ว่าเวลาจะผ่านไปยาวนานขนาดไหนไม่ก็ไม่สามารถลบเลือนจางหายไป เขาขมวดคิ้วแต่ไม่ได้พูดอะไรได้แต่เดินตรงปรี่เข้าไปในบ้าน เขาเดินตรงแหน่วไปยังห้องหนังสือพอถึงเขาเคาะประตูสามครั้งแล้วค่อยผลักประตูเข้าไปตอนนั้นเองปู่เขาก็ไม่ได้มีสีหน้าตกใจอะไรเหมือนรู้ว่าเขาจะมา “มาแล้วหรอ” ชนัยก็ไม่มีอารมณ์จะตอบกลับเขาเอากุญแจรถโยนลงบนโต๊ะดัง‘ตึง’แล้วรีบพูดสิ่งที่รู้อยู่แล้ว“เรื่องเมื่อวานเราต้องคุยกันหน่อย” เขาไม่เงยหน้าได้แต่ขะมักเขม้นเขียนสิ่งที่อยู่ในมทือ“เรื่องเมื่อวานก็คุยกันแล้วแกอยากจะคุยอะไรอีก?” ชนัยเห็นลักษณะที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวของปู่เขารู้อย่างชัดเจนเลยว่าหากปู่เขานิ่งเท่าไหร่ภายใต้สิ่งที่ปู่นั้นทำมันยิ่งน่าขยะแขยงสิ้นดี เขาขัดขวางข้อความที่ปู่กำลังเขียน“ไม่ต้องเขียนแล้วคุยกับผมดีๆ” อารมณ์ของชนัยดูแย่มากว่าก่อนหน้านี้ก็มักจะไม่พูดเอ่ยอะไรก็โพล่งคำออกมาสิ่งที่ทำออกมานั้นแสดสงถึงความรุนแรงมากกว่านี้แต่วันนี้การเผชิญหน้าที่สงบแบบนี้น้อยนักที่จะได้เจอ เขาดูมุ่งมั่นมากยังกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ปู่วางพู่กันจีนที่อยู่ในมือลงแกมถูกบังคับสายตามองไปยังฝ่ามือนั้นที่วางอยู่บนโต๊ะเพื่อจะหยุดในการเขียนของเขาเสียงนิ่งๆมันทำให้คนที่ได้ยินเกิดอาการสั่นเทา“สิ่งที่แกทำทุกอย่างในตอนนี้มันอาจจะทำร้ายเด็กคนนั้น” หางตาของชนัยกระตุกตึกๆใบหน้าแสดงออกถึงความเกลียดชังเขากัดฟันพูด“คุณอยากจะจัดการหล่อนหรอ” “ฉันจะจัดการกับหล่อนและแกจะทำอะไรได้”เขาก็ไม่อยากปิดบังชนัยได้แสดงสิ่งที่เขาเองต้องการ“สิ่งที่ฉันทำจริงๆแกสามารถปกป้องหล่อนได้ทุกทางเลยหรอ?” ชนัยตัวเกร็งจัดเกรงว่าถ้าเกร็งอีกสักนิดคงจะระเบิดมันออกมา “เพราะงั้นทางที่ดีที่สุดก็คือแกต้องปล่อยหล่อนไปแบบนี้ระหว่างแกสองคนก็ลำบากน้อยลง” ชนัยรู้ดีว่ามันไม่ใช่คำพูดหลอกเด็กเขามองใบหน้าสูงอายุที่ขาวโพลนที่แสดงอารมณ์กลับไปกลับมาแต่ท้ายที่สุดคือคำหนึ่งคำออกมา‘อดทน’ ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเขากลัวเลยต้องอดทนแต่เป็นเพราะดราณีเขาเลยต้องทน ยิ่งเขามองเห็นใบหน้าการร้องขอเจรจาของเขาในใจของท่านธิสกุลเลยตั้งใจคิดหาหนทางที่ไม่ให้สองคนนนั้นอยู่ด้วยกันเขาถึงได้ทำกับชนัยแบบนี้หากวันใดที่เด็กสาวนั่นตกไปอยู่ในมือฝ่ายตรงข้ามแล้วนี่อาจเป็นข้อเสียที่ทำให้ชนัยถูกบีบบังคับจนตายได้ เรื่องพรรณนี้เขาไม่มีทางให้มันเกิดขึ้นได้แน่
已经是最新一章了
加载中